ทางโลกเนี่ย...เรามีหนี้มีสิน เราก็ต้องชดใช้ ใช่ไหม?
เราถึงจะจบได้ เวลาเราจะใช้หนี้ เราก็ต้องมีเงิน มีทรัพย์สมบัติ เพื่อนำมาชดใช้หนี้สินต่างๆ
ตลอดระยะเวลาที่เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
หมู่สัตว์ก็จะหลงทำกรรมต่างๆ เมื่อก่อการเบียดเบียน
ก็จะเกิดเป็นวิบากกรรม เป็นพันธนาการต่างๆที่รายล้อมคอยชักนำ
วิบากนี่มันน่ากลัวมากๆนะ มันชักนำสรรพสัตว์ให้หลงวกวนนับภพชาติไม่ถ้วนเลย
แต่พอเราได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ก็จะมีโอกาสตื่นขึ้นมาเพื่อชำระตนเอง
เพราะฉะนั้นพระพุทธศาสนา จึงเป็นผู้ชี้ทางบอกทางให้
เราก็ก้าวเดินตามคำสอนแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ให้ เพื่อชำระตนเอง
พอเราฝึกสติปัฏฐาน 4 เนืองๆ พระพุทธองค์ตรัสว่า...
“ สติปัฏฐาน 4 สามารถที่จะชำระล้างบาป และอกุศลธรรมจนหมดสิ้นไปได้”
ชำระกันแบบไหน?
เมื่อเราฝึกสติปัฏฐาน จิตที่เป็นกุศลก็เกิดขึ้น บุญกุศลก็เกิดขึ้น
โดยเฉพาะถ้าเราฝึกจนเกิดวิปัสสนาญาณ แล้วสลัดคืนเข้าสู่ความบริสุทธิ์ได้
นั่นคือแหล่งของความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
สิ่งนั้นแหละมันเป็นเรื่องของอริยทรัพย์อันประเสริฐ
เหมือนทางโลก คนที่เขามีความฉลาดในการหาเงินหาทอง เขาจะรู้ช่องทาง รู้แหล่งในการทำมาหากิน
ต่อให้มีหนี้สินมากเป็นร้อยล้านพันล้าน คนที่เขามีความฉลาด เขาก็หาเงินได้มากแบบนั้นเช่นกันนะ
ในทางธรรม แหล่งก็คือสติปัฏฐาน 4
โดยเฉพาะช่วงที่ถ่ายทอดธรรม
ก็จะพาฝึกท่านทั้งหลาย แล้วสลัดคืนเข้าถึงความบริสุทธิ์ตรงนี้แหละ
เพราะฉะนั้นมันเป็นโอกาสที่ท่านทั้งหลายจะเข้าถึงความบริสุทธิ์เนือง ๆ เพื่อชำระตนเอง
จนสามารถชำระล้างบาปและอกุศลกรรมจนหมดสิ้นไปได้
ต้องหมดหนี้หมดสินนะ จึงจะพ้นเหตุเกิด
ต้องชำระกันไป
สิ่งที่หมักหมมในขันธสันดานมานับภพชาติไม่ถ้วน
หรืออย่างน้อยเราก็ชำระให้มันเบาบางลงไปใช่ไหม?
ถ้าชำระกันทุกวัน มันก็เบาลงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์จึงตรัสไว้ว่า
“งดเว้นจากความชั่วทั้งปวง” หยุดเพิ่มความหนักให้แก่ตนเอง ไม่ทำความชั่วทั้งปวง
กระทำแต่ความดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลแบ่งกัน แบ่งปัน มันเป็นบุญกุศล เป็นจิตที่ดีงาม
และที่สำคัญที่สุดก็คือ...
ชำระจิตให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่าง ๆ
ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน 4
เข้าถึงความบริสุทธิ์อยู่เนืองๆ
ท่านทั้งหลายก็จะสามารถชำระล้างบาปและอกุศลธรรมจนหมดสิ้นไปได้
โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร