อนาคตขึ้นอยู่กับปัจจุบันที่เราทำ

วันนี้..ก็เป็นอีกวันหนึ่ง
ที่ท่านทั้งหลายได้ตื่นขึ้นมา
มีลมหายใจ มีชีวิตอยู่

ก็เป็นสิ่งที่..ท่านทั้งหลายพึงที่จะขวนขวายสิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ที่แท้จริงของการมีชีวิต

ทุกเรื่องราว ทุกความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ก็ไม่มีอะไรที่บังเอิญ

ล้วนเป็นไปตาม เหตุปัจจัยที่ได้สะสมไว้

หลายครั้ง ที่หลงจมปลักอยู่
หลงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราว กับสิ่งต่างๆ
ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันไม่ดี
มันเร่าร้อน ทุกข์ทรมาน

แต่ห้ามใจตนเองไม่ได้

ไม่สามารถที่จะหลุดออก คลายออก พ้นออก จากสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้

พระพุทธองค์ตรัสว่า...
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

กรรมที่ได้กระทำไว้ จะดีก็ตาม ไม่ดีก็ตาม ล้วนส่งผลสืบต่ออย่างยาวนาน

การที่เราอุบัติขึ้น
เวียนว่าย ตาย เกิดในวัฏสงสารเนี่ย
ก็จะหลงทำกรรมต่างๆไว้

ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะก่อการเบียดเบียน
ทำให้ตนเอง และผู้อื่นเดือดร้อน

สิ่งเหล่านี้ จะก่อให้เกิดเป็นวิบากกรรม
เป็นพลังงานด้านมืด ที่รายล้อมรอบตัวเราอยู่

มันเป็นพลังงาน ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการหมุนวน เป็นวัฏสงสาร

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราเนี่ย มันไม่มีอะไรบังเอิญ

ถ้าท่านทั้งหลาย ถูกกระทำ
ถูกคดโกง
ถูกหลอกลวง
ถูกพูดจาให้เจ็บช้ำน้ำใจ
ก็ให้แน่ใจได้เลย ว่าเราก็เคยทำกับเค้ามาก่อน

ไม่ใช่ชาตินี้ ก็เป็นชาติที่ผ่านๆ มา

ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ได้สะสมไว้

บางครั้ง วิบากกรรมที่ไม่ดีให้ผล
มันจะทำให้จิตใจเราเร่าร้อน
หลงเดินทางผิดได้ง่าย

การที่เราจะฟันฝ่ามรสุมแห่งวิบากกรรม ไปได้ ก็ต้องมีจิตใจที่ตั้งมั่น!
ชำระล้าง บาป และอกุศลธรรมให้หมดสิ้นไป

เรียกว่า เคลียร์หนี้ เคลียร์สินทุกอย่าง
ที่เราก่อการไว้
ในช่วงเวลาที่เราหลงติดอยู่ในวัฏสงสาร

เหมือนเรามีหนี้ เราก็ต้องชำระไป
มันถึงจะจบเรื่อง
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ว ไม่ต้องชำระ

สิ่งเหล่านี้มันค้างคา
มันเป็นพลังงานที่หมุนวน
ชักนำเราไปในทิศต่างๆ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "สติปัฏฐานสี่ สามารถชำระล้างบาป และอกุศลธรรมให้หมดสิ้นไปได้"

เจริญสติปัฏฐานสี่ สามารถชำระล้างบาป และ อกุศลธรรมได้อย่างไร?

เมื่อท่านทั้งหลาย ฝึกฝนพัฒนาสติขึ้นมาเนืองๆ จนเกิดความตั้งมั่น
เกิดความเบิกบาน
จนหลุดจากการยึดมั่น ถือมั่น
หลุดจากแรงดึงดูด ที่มันหมุนวนอยู่
เข้าสู่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์

ท่านทั้งหลาย จะเข้าถึงแหล่งพลังงานความว่างที่บริสุทธิ์
เป็นความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ

สิ่งนี้แหละ ที่จะใช้ชำระพลังงานด้านมืด หรือ บาป และอกุศลธรรมให้หมดสิ้นไปได้

น้ำดี ชำระล้าง น้ำเสีย

เหมือนขั้วบวก และขั้วลบ ที่ทำปฏิกิริยากัน แล้วเกิดความเป็นกลาง

ชำระกันไป
ชำระกันด้วยความบริสุทธิ์
มันถึงจะจบทุกเรื่องราวได้

โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร
พระวิปัสสนาจารย์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้