การปฏิบัติธรรมนานๆ... ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเราปฏิบัติได้ตรงต่อธรรมหรือเปล่า

การปฏิบัติธรรมนานๆ...
ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเราปฏิบัติได้ตรงต่อธรรมหรือเปล่า

ถ้าทำแล้วตรงต่อธรรม คือเป็นไปเพื่อละ
เพื่อสละ เพื่อวางความโลภ ความโกรธ ความหลง
แล้วมันเบาบางลงได้
....อันนี้ถึงเป็นตัวชี้วัด เพราะใจจะนิ่งขึ้น เย็นขึ้น เบิกบานขึ้น

ถ้าปฏิบัติแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้น ตัวตนเยอะขึ้น เป็นไปเพื่อความยึดมั่นถือมั่น ไม่ฟังใคร ทิฐิ มานะเยอะขึ้นแล้ว

....อย่างนี้มันยังไม่ตรงต่อธรรม
ให้รีบพิจารณาตนเองว่าเราปฏิบัติได้ตรงต่อธรรมหรือเปล่า

" เพราะที่สุดของการปฏิบัติธรรมคือ
สิ้นราคะ โทสะโมหะ "

ถ้าตรงแล้ว... มันจะเป็นไปเพื่อ ละมานะทิฐิอัตตาตัวตน

" ฉะนั้นการปฏิบัตินานไม่ได้บอกผล
แต่ผลคือ... ต้องวัดที่ตัวเราเอง"

" ปฏิบัติแล้วต้องเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เหนือธรรมดา " สนุกสนานธรรมดาได้ เป็นคนปล่อยวางง่าย ๆ สบาย ๆ เป็นธรรมชาติ

นักปฏิบัติจริง ๆ คนภายนอกอาจดูไม่ออก
มันไม่ได้ดูที่การแต่งกาย หรือความน่าเชื่อถือ
มันเป็นแค่เปลือกนอก
....ของจริงเป็นคนธรรมดา ที่ใจมันวางได้นี่แหละ

คนที่ปฏิบัติตรงต่อธรรมของพระพุทธองค์
จะกลายเป็นธรรมชาติมากขึ้น

" เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่คนเหนือธรรมดา "

เพราะฉะนั้นผลของการฝึกในขั้นสุดท้ายคือ...
การกลับเป็นคนธรรมดา
เพื่อมองทุกอย่างเป็นของธรรมดา ไม่มีดี ไม่มีชั่ว
ทุกอย่างเป็นสิ่งสมมุติ ซึ่งเป็นไปตามวงจรของกรรมทั้งสิ้น

#เดินจิต #จิตว่าง #สุญญตา

-------------------------------

พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้