ท่านสาธุชน ผู้สนใจใฝ่ธรรมทุกท่าน
การที่ท่านทั้งหลายจะเป็นอิสระ
จากความทุกข์ทรมานทั้งปวง
พบกับความสงบสุขที่แท้จริง ของชีวิตได้
พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงมอบ
เครื่องมือสำคัญ ให้แก่ท่านทั้งหลาย
ก็คือ #สติปัฏฐานสี่
สติปัฏฐานสี่ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สุด
ที่จะจัดการ กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ
ก็อาศัยร่างกาย จิตใจ
เป็นอุปกรณ์ของการพัฒนาสติ
ปลุกการตื่นรู้ขึ้นมา
ระลึกรู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ
นั่งอยู่ ก็ระลึกรู้กาย ที่นั่งอยู่
รู้สึกถึงการหายใจ
การกระเพื่อมหน้าอกหน้าท้อง
รับรู้ความรู้สึกของกายที่นั่งอยู่
ขณะยืน ก็ระลึกรู้กายที่ยืนอยู่
ทำความรู้สึกตัว ในขณะยืน
ขณะเดิน ก็ระลึกรู้กายที่เดินอยู่
ทำความรู้สึกตัว ในขณะเดิน
คู้ เหยียด เคลื่อนไหว จะทำอะไรอยู่
ก็พยายามระลึก รู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ
#ทำให้มาก_เจริญให้มาก
ตั้งแต่ตื่นนอน ขึ้นมา ก็ระลึกรู้สึกตัว
พับผ้า แปรงฟัน อาบน้ำ ชำระกาย
ก็ระลึกรู้สึกตัว ขึ้นมาอยู่เสมอ
บริหารร่างกาย ทำกิจการงานต่างๆ
ก็พยายามระลึก รู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ
ตั้งแต่ตื่นนอน ในระหว่างวัน จนกระทั่งหลับไป
ขณะนอน ก็ระลึกรู้กาย ที่นอนอยู่
รับรู้ความรู้สึก ของกายที่นอนอยู่ จนกระทั่งหลับไป
ตื่นมา ก็ระลึก รู้สึกตัวขึ้นมาใหม่
ทำให้มาก เจริญให้มาก
เมื่อท่านทั้งหลาย...
พากเพียรเจริญสติอยู่เนืองๆ
สติก็จะมีกำลังขึ้น
ใหม่ๆ สติ มีกำลังน้อย รู้สึกตัวขึ้นมา
เดี๋ยวก็เผลอไป หลงไปในอารมณ์ต่างๆ
ใหม่ๆก็เผลอไปนาน มีแต่ความฟุ้งซ่าน
ก็หมั่นทำความรู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ
เมื่อพากเพียร อบรมสติปัฏฐานอยู่เนืองๆ
สติก็จะเริ่มมีกำลังขึ้น เริ่มรู้สึกตัวได้บ่อยขึ้น
ต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ
สติ ที่อยู่ในฐานของกาย
ก็จะรับรู้ระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย
รู้สึกถึงการหายใจ การกระเพื่อมหน้าอกหน้าท้อง
รับรู้ ความรู้สึกของร่างกาย
เมื่อเริ่มละเอียดขึ้น
ก็รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ ของชีพจรได้
ได้ยินเสียงหัวใจเต้นได้
.
เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ...
การรับรู้มันจะกว้างขึ้นๆ เรื่อยๆ
มันจะไม่ได้รวมโฟกัสจดจ่อ แต่มันจะกว้างขึ้นๆ
จนสามารถ รู้สึกได้ทั้งตัว
เรียกว่า "สติมันเต็มฐาน"
เกิด #สติสัมปชัญญะ
สติ ก็คือ การระลึกรู้
สัมปชัญญะ คือ การรู้สึกตัวทั่วพร้อม รู้สึกได้ทั้งตัว
ก็รู้สึกทั้งตัว ไปเรื่อยๆ สบายๆ
นั่งอยู่ ก็รู้สึกได้ทั้งตัว
ยืนอยู่ ก็รู้สึกได้ทั้งตัว
เดินอยู่ ก็รู้สึกได้ทั้งตัว
คู้ เหยียด เคลื่อนไหวอยู่ จะทำอะไรอยู่
ก็รู้สึกได้ทั้งตัวขึ้นมาเนืองๆ
นอนอยู่ ก็รู้สึกได้ทั้งตัว
เมื่อท่านทั้งหลาย พากเพียร อบรมสติอยู่เนืองๆ
ทำให้มาก เจริญให้มาก
สติ ก็จะมีกำลังขึ้น
.
จากฐานกาย ก็เข้าสู่ ฐานของเวทนา
ความรู้สึกตัว ในฐานของเวทนา
ก็จะเกิดความรู้สึก ชาๆ ซ่านๆ หนึบๆ หยุ่นๆ
คล้ายสนามพลัง
อาการวู๊บๆ วาบๆ แผ่ออก ซ่านออก ตามตัว
สภาวธรรม ก็เกิดขึ้นได้ต่างๆ
ก็รู้สึกตัว ไปเรื่อยๆ สบายๆ
ความรู้สึกตัว ก็จะมีกำลังที่สูงขึ้น
เมื่อความรู้สึกตัว มีกำลัง
อาการที่จิต นึกคิด ปรุงแต่ง สอดส่าย
ไปในอารมณ์ต่างๆ ก็จะลดน้อยลงไป
จนเกิดความตั้งมั่น อยู่ภายใน
รู้สึกตัว ทั่วพร้อมอยู่
.
ความรู้สึกตัว ในฐานของเวทนา
มันจะเป็นฐานพลังงานของร่างกาย
มันจะเป็นอีกชั้นหนึ่งของกายหยาบ
กายหยาบมันจะเป็นฐานของกาย
#ฐานเวทนา_มันจะเป็นชั้นพลังงาน
ถ้าอยู่กับความรู้สึกตัวได้ดี
จะรู้สึกถึง พลังงานที่ไหลเวียนทั่วร่างกาย
เป็นมวลพลังงานขึ้นมา
เข้าสู่ชั้นที่มันลึกซึ้งลงไป
คือชั้นพลังงานของร่างกาย
ก็อยู่กับความรู้สึกทั้งตัว ไปเรื่อยๆ สบายๆ
จนเกิดความ แผ่ซ่าน ทั่วทั้งตัว
ซาบซ่าน เอิบอาบทั่วทั้งตัว
อันนี้ สมาธิ เริ่มเกิดขึ้น
ความซาบซ่าน เอิบอาบ ทั่วทั้งตัว
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
....ชุ่มไปด้วยปีติ และ สุข เอิบอาบ ซาบซ่าน
ทั่วทั้งกาย ไม่มีส่วนใดของกาย ที่ปีติไม่ถูกต้อง....
.
ถ้าเริ่มพัฒนาสติ
จนเกิดสภาวะรู้สึกตัวทั่วพร้อม เกิดปิติ ขึ้นมา
อารมณ์หยาบๆ มันหลุดออกไปหมด
จะรู้สึก มีกำลังใจ ในการฝึกฝน ปฏิบัติมาก
ไม่อิ่ม ไม่เบื่อ ในการปฏิบัติ
เริ่มเข้าสู่ สมาธิตรงนี้
แล้วจะเริ่มสัมผัสอีกโลกหนึ่ง ที่เรียกว่า
#เป็นโลกภายในใจ ของเรานั่นเอง
หลังจากเจอ ความวุ่นวาย ความสับสน
ความง่วงเหงาหาวนอน ความฟุ้งซ่าน
จนสามารถขัดเกลา อารมณ์หยาบๆ หลุดออกไป
เริ่มเข้าสู่ สภาวธรรมที่ละเอียด ประณีต
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ก็จะเริ่มสัมผัส
สภาวธรรมที่ละเอียด ลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆ
การที่เราจะพัฒนามาระดับนี้เป็นต้นไปได้
ก็ต้องอาศัย การเจริญสติ
ทำความรู้สึกตัวขึ้นมาเนืองๆ
ทำให้มาก เจริญให้มาก
วันอังคาร ที่ 16 มิถุนายน 2563
โดย พระอาจารย์ มหาวรพรต กิตติวโร
สอนนาค ที่เตรียมตัวบวชในพรรษานี้