พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
#เมื่อสัมมาสมาธิเกิดเป็นประธาน
#มันจะแวดล้อมด้วยอริยมรรคทั้งเจ็ดเลย
เรียกว่าเกิดมรรคสมังคี
จากความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
อริยมรรคมีองค์แปดก็จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ชั้นนี้ขึ้นไป
ก็จะเกิดการแทงตลอดอริยสัจในชั้นเบื้องต้น
ตัดที่ตัณหาอุปาทาน จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า
#สักแต่ว่ารู้ #สักแต่ว่ารู้สึก
#สักแต่ว่าเห็น #สักแต่ว่าได้ยินขึ้นมา
เกิดการปล่อยวางในชั้นต้น
.
เมื่อเราพัฒนาสติขึ้นมาตรงนี้
#ถึงเน้นให้ฝึกอยู่กับความรู้สึกทั้งตัวไปเลย
เช่นวิธีที่แนะนำไว้ #สูดลมหายใจเข้า #หยุดลมหายใจ
ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก
ค่อย ๆ ทำไปเราจะพบว่ามันนิ่งอยู่กับตัวเอง
แล้วมันจะเกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา
วิธีนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะส่งให้เกิด
ความรู้สึกทั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
.
#หรือใครจะใช้วิธีการสแกนร่างกายทั้งตัวก็ได้
#ไล่ไปหัวตัวแขนขาแล้วขยายความรู้สึกทั้งตัวออกไปเลย
ไม่ได้รู้ทีละส่วนแล้ว รู้ทั้งตัวออกไปเลย
#ส่วนใครถนัดที่จะจดจ่ออยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง
เช่นปลายจมูก ท้อง หรือเวลาเดินถนัดจดจ่ออยู่ที่เท้า
#พอทำแล้วก็ฝึกที่จะขยายรู้ทั้งตัวไปเลย
จะพลิกเข้าสู่สภาวะของชั้นสัมมาสมาธิ
จิตตั้งมั่น จิตเป็นกลาง เกิดความตื่นรู้
มันจะเกิดความรู้สึกทั้งตัวขึ้นมา
.
สภาวะของความรู้สึกทั้งตัวในชั้นสัมมาสมาธิ
หลัก ๆ มันจะเป็นความรู้สึกของร่างกายทั่วทั้งตัว
สภาวะนี้มันจะเกิดความรู้สึกชา ๆ ซ่าน ๆ ตามตัว
ปฏิบัติไปเคยเป็นไหม ไม่ใช่เหน็บกินนะ
อาการหนึบ ๆ หยุ่น ๆ คล้ายสนามพลังทั่วทั้งตัว
มันเป็นสภาวะระดับเดียวกันของปิติ
บางทีมันก็เกิดขนลุกทั้งตัว
มีอาการยุบยิบยุบยับเหมือนมดไตทั่วทั้งตัว
อาการตัวโยกโคลงทั้งตัว
#ตรงนี้วิธีพลิก ถ้าปฏิบัติฝึกแบบเพ่ง
#พอเกิดตัวโยกทั้งตัวให้พลิกมารู้ทั้งตัว
#ตรงตัวโยกโคลงมันจะพลิกมาเป็นสัมมาสมาธิเลย
ที่เรียกว่า รู้ปิติ ในอานาปานสติ
มันเป็นสภาวะของชั้นสัมมาสมาธิ
เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
สติจะวางจากฐานกายเข้าสู่ฐานของเวทนา
ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ภาษาอภิธรรมเรียกว่า
เหลือแต่ปรมัตถธรรม เหลือแต่ความรู้สึกล้วน ๆ
.
#บางทีก็เกิดอาการซ่าน ๆ ทั้งตัว
#คล้ายสนามพลังคล้ายกระแสไฟฟ้าทั้งตัว
#บางทีปฏิบัติไปเกิดกระแสความร้อนทั้งตัว
#บางทีก็เกิดกระแสความเย็น
#บางทีก็เกิดอาการแข็งเป็นหินทั้งตัวเลย
เคยเป็นไหม หรือเกิดสภาวะธรรมแบบนี้ไหม...?
.
ถ้าเราไม่เข้าใจสภาวธรรม
เราปฏิบัติไป เราก็งง ไม่รู้ว่าคืออะไร
แต่ให้สังเกตว่า #ใจเรามันนิ่งขึ้นอยู่กับตัวเองได้ดีขึ้น
มันเป็นผลของการปฏิบัติ
#เมื่อใจเรานิ่งเป็น #ดำรงสติมั่นเป็น
#ปล่อยวางเรื่องภายนอกเป็น
#มันจะเกิดสภาวะนี้ขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ
มันเป็นสภาวะที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
.
บางทีก็เกิดอาการตัวลอยทั้งตัว
ขยายทั้งตัวใหญ่ ตัวหนัก ตัวเล็ก เป็นต้น
มันเป็นสภาวะของความรู้สึกตัวทั้งสิ้น
ที่เรียกว่านามกายก็ได้ จะเรียกว่ากายในกายก็ได้
สติปัฏฐานที่พระพุทธเจ้าทรงพูดถึง
พิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา
จิตในจิต ธรรมในธรรม
มันเป็นสภาวะของนามกายข้างใน
เป็นสภาวะชั้นสัมมาสมาธิขึ้นไป
เมื่อใดที่เราพัฒนาสติให้มีความนิ่งตั้งมั่นได้
ก็จะเกิดสภาวะพวกนี้ขึ้นมา
ก็ให้แช่อยู่กับความรู้สึกทั้งตัวไปเลย
.
ส่วนวิธีมาอาจจะแตกต่างกัน
ก็ให้มาฝึกที่จะรู้สึกทั้งตัวไปเลย
แล้วการปฏิบัติของเราจะต่อยอดไปได้อีกเยอะ
ความรู้สึกทั้งตัว รู้สึกตัวทั่วพร้อมนี่
มันจะเป็นรอยต่อทั้งภาคสมถะฌานสมาบัติ
และวิปัสสนาญาณทัศนะ
พลิกไปมาได้ระหว่างสัมมาสมาธิกับสัมมาญาณ
ถ้าเราไม่ทำจิตให้เป็นกลาง รู้ตัวทั่วพร้อม
เราจะพลิกจิตไปมาแบบนี้ไม่ได้
เรียกว่ายกจิตเข้าสู่ชั้นปัญญาญาณ
เข้าสู่ชั้นวิปัสสนาญาณไม่ได้
.
แต่ถ้าเราเข้าสู่กระบวนการของสัมมาสมาธิ
คือความรู้สึกตัวทั่วพร้อม จะต่อยอดเข้าสู่สัมมาญาณได้
ที่เรียกว่าเห็นตามความเป็นจริง
#ถ้าเราจะพัฒนาสัมมาสมาธิให้มีความตั้งมั่น
#ก็ให้แช่อยู่กับความรู้สึกทั้งตัวไปเลย
นั่งอยู่ก็รู้สึกทั้งตัว ยืนก็รู้สึกทั้งตัว เดินก็รู้สึกทั้งตัว
นอนก็รู้สึกทั้งตัว ทำอะไร ๆ ก็ฝึกที่จะรู้สึกทั้งตัวไปเลย
สติสัมปชัญญะก็จะพัฒนาได้เต็มฐาน
..................................
ธรรมบรรยาย โดยพระมหาวรพรต กิตติวโร (ป.ธ.๖)